น้ำสำหรับซักล้าง

คือน้ำที่มีสนิมเหล็กปะปนอยู่นั่นเอง มักพบในแหล่งน้ำธรรมชาติ เช่น น้ำบาดาล น้ำคลอง น้ำตก น้ำทะเล ส่วนน้ำประปาที่ไหลผ่านท่อเหล็ก หรือสัมผัสกับเหล็กเป็นเวลานาน เหล็กก็อาจกลายเป็นสนิมละลายอยู่ในน้ำได้ สนิมน้ำก่อให้เกิดปัญหากับเสื้อผ้า โดยเฉพาะผ้าขาวๆ ก็จะกลายเป็นผ้าหมองแดง ไม่น่าใช้ หรือบางครั้งอาจปรากฏเป็นคราบสนิมชัดเจน ซักด้วยผงซักฟอก หรือน้ำยาซักผ้าก็ไม่ออก สำหรับสุขภัณฑ์ และพื้นผนังห้องน้ำที่สัมผัสกับน้ำที่มีสนิมเหล็กเป็นเวลานาน ก็มักจะพบว่ามีคราบสีน้ำตาลที่ไม่สามารถขจัดออกได้ด้วยน้ำยาล้างห้องน้ำทั่วไป ดังนั้นการขจัดปัญหาจากสนิมน้ำจึงต้องใช้ผลิตภัณฑ์ขจัดสนิมโดยตรง

มีสาเหตุหลักๆ มาจากระบบกรองน้ำดิบมีปัญหา หรือเกิดจากการซ่อมแซมท่อส่งน้ำ ทำให้มีตะกอนดินปนเปื้อนจนน้ำประปาขุ่น มีสีแดง หรือดำคล้ำ บางครั้งอาจพบว่ามีโคลนดินไหลออกมาพร้อมน้ำประปาเลยก็มี    

น้ำกรองสำหรับนำไปใช้งานนั้น ไม่จำเป็นต้องกรองละเอียดเหมือนน้ำดื่มก็จริง แต่ก็ต้องมีกระบวนการกรอง และการควบคุมให้ได้คุณภาพมากพอที่จะนำไปใช้งาน ระบบการกรองน้ำใช้นั้นจึงมักประกอบด้วยการกรอง 3 ขั้นตอน คือ1.การกรองหยาบ เป็นการกรองสิ่งปนเปื้อนขนาดใหญ่ ตะกอนฝุ่น ดินโคลน สารแขวนลอยต่างๆ2.การกรองด้วยคาร์บอน (ผงถ่าน) เป็นการกรองกลิ่น สี สารอินทรีย์ที่เจือปนอยู่ในน้ำ3.การกรองด้วยเรซิ่น เป็นการกรองเพื่อกำจัดความกระด้างของน้ำที่มีหินปูนเจือปน น้ำประปา ที่มีความสะอาด และมีคุณภาพดี ล้วนผ่านการกรองตามขั้นตอนเหล่านี้มาแล้วทั้งนั้น อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาที่อาจเกิดจากระบบกรอง หรือท่อส่งน้ำประปามีปัญหา เราจึงควรติดตั้งระบบกรองน้ำของเราเองด้วย โดยอาจติดตั้งแค่ระบบกรองหยาบ หรือกรองคาร์บอนเพื่อกรองน้ำประปาก่อนที่จะปล่อยเข้าสู่ถังพักเพื่อรอการนำไปใช้งานต่อไป น้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติ เช่น น้ำบาดาล น้ำคลอง มักจะมีคุณภาพน้อยกว่าน้ำประปา ดังนั้น เราจึงควรติดตั้งระบบกรองน้ำทั้ง 3 ขั้นตอนเพื่อกำจัดตะกอน สารแขวนลอย กลิ่น สี สารอินทรีย์ หินปูนที่ละลายปนเปื้อนอยู่ในน้ำให้หมดไป การเลือกขนาดเครื่องกรอง และถังพักน้ำที่เหมาะสมนั้น ต้องคำนึงถึงปริมาณการใช้น้ำในแต่ละวัน ส่วนการควบคุมคุณภาพการกรองให้ได้ผลนั้น ต้องหมั่นล้างทำความสะอาดไส้กรอง และเปลี่ยนไส้กรองเมื่อถึงกำหนด